เผยขุมทรัพย์พลวัตอมตะแห่งผิวพรรณ “สยามสเนล” เมือกหอยทากสายพันธุ์ไทย ที่ผ่านการวิจัยค้นคว้าโดยนักวิจัยระดับชั้นแนวหน้าของไทย สู่ที่สุดของเมือกหอยทากคุณภาพเยี่ยมจากหลายร้อยสายพันธุ์
ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญหา ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยในเรื่องหอยทากมากว่า 30 ปี ค้นพบความลับแห่งความอ่อนเยาว์ ที่ซ่อนอยู่ภายในเมือกของหอยนวล (Hemiplecta distinct) หอยทากสายพันธุ์ไทย ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และกรดไฮยาลูโรนิก ช่วยในการซ่อมแซมฟื้นฟูสภาพผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และลบเลือนริ้วรอยแห่งวัย เหมาะกับสภาพผิวของคนเอเชีย
ทุกวันนี้กระแสเมือกหอยทากกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี จึงทำให้มีผลิตภัณฑ์จากเมือกหอยทากออกสู่ตลาดมากมาย ทั้งในรูปแบบของครีม มาสก์ หรือโลชั่น ตามวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน รวมถึงการเพิ่มจำนวนของสถานเสริมความงามขึ้นหลายแห่งทั้งในญี่ปุ่น และไทย ที่นำเทคนิคการบำบัดฟื้นฟูผิวด้วยหอยทากมาใช้ดูแลผิวพรรณ
ทางด้าน ศ.ดร.สมศักดิ์ ได้เล็งเห็นถึงปัญหาที่คนส่วนใหญ่หันไปเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เมือกหอยทากจากต่างประเทศ ทั้งที่เมือกหอยทากของไทย คุณภาพโดดเด่นกว่าชาติอื่น จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ศ.ดร.สมศักดิ์ นำเอาประสบการณ์ทั้งหมดที่ได้จากการศึกษาวิจัย จัดตั้งบริษัท สยามสเนล จำกัด ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อให้คนไทยได้ใช้ผลิตภัณฑ์เมือกหอยทากสัญชาติไทย ที่ให้ประสิทธิภาพไม่แพ้ชาติใดในโลก
ในประเทศไทย ความต้องการของผลิตภัณฑ์จากเมือกหอยทากเติบโตเร็วมากเป็นพิเศษ มีมาส์กหอยทากวางขายตามร้านสะดวกซื้อ ขณะที่ผู้ผลิตครีมหอยทากบางราย มีการจ้างดาราเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาให้กับตัวผลิตภัณฑ์ ดังนั้นจึงเป็นที่ชัดเจนว่า การบุกทำตลาดเมือกหอยทากในไทยเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่ ศ.ดร.สมศักดิ์ มั่นใจว่าหอยทากสายพันธุ์ไทยนี้จะสามารถบุกตลาดความงามได้สำเร็จ
นอกจากนี้ ศ.ดร.สมศักดิ์ ยังเผยถึงวิธีการเก็บเมือกหอยทากที่มีความยุ่งยาก ต้องใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงกับทีมงาน 5 คนในการถูตัวหอยทาก เพื่อให้ได้เมือกในปริมาณ 20 ลิตร หรือประมาณ 5 แกลลอน ทั้งนี้ ศ.ดร.สมศักดิ์ จึงได้หาวิธีการสกัดเมือกหอยทากรูปแบบใหม่ ที่สามารถสกัดเมือกหอยทากได้ถึง 1 ตันต่อวัน จากหอยทากที่เลี้ยงไว้ 10,000 ตัว โดยไม่เป็นการทรมาน หรือส่งผลอันตรายต่อตัวหอยทากแต่อย่างใด
ท้ายที่สุดเป้าประสงค์ของ ศ.ดร.สมศักดิ์ มิได้เพียงให้คนไทยได้ใช้ผลิตภัณฑ์เมือกหอยทากที่มีคุณภาพสูงสุดของโลกเท่านั้น แต่คือการผลักดันให้เมือกหอยทากของไทย ขึ้นไปยืนอยู่ในชั้นแนวหน้าของโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ
