เปิด “ฟาร์มหอยทากเชิงนิเวศ” แหล่งผลิตเมือกความงามแห่งแรกในเอเชีย

10 พ.ค. 2559
เปิด “ฟาร์มหอยทากเชิงนิเวศ” แหล่งผลิตเมือกความงามแห่งแรกในเอเชีย | สยามสเนล
 
จุฬาฯ เปิดตัว “ฟาร์มหอยทากเชิงนิเวศ” แห่งแรกของเอเชีย ผลงานต่อยอดจากงานวิจัยพื้นฐานร่วม 30 ปี จนเกิดเป็นบริษัทสปิน-ออฟ โดยร่วมทุนบริษัทเอกชนในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งเป้าเป็นแหล่งผลิตเมือกหอยทากสำหรับอุตสาหกรรมความงาม และเป็นแหล่งเรียนรู้หอยทากแบบครบวงจร พร้อมวางแผนตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์หอยทากภายในพื้นที่ 10 ไร่ 
       
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดฟาร์มหอยทากเชิงนิเวศ (Siam Snail Eco Farm) แห่งแรกในเอเชียขึ้นในพื้นที่ 10 ไร่ บริเวณ หมู่ 2 ถนนร่วมพัฒนา แขวงลำต้อยติ่ง เขตหนองจอก กทม. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดงานวิจัยด้านหอยทากนานกว่า 30 ปี ของ ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญหา จากภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ จนเกิดเป็นบริษัทสปิน-ออฟชื่อ บริษัท สยามสเนล จำกัด ภายสถาบันทรัพย์สินทางปัญญา จุฬาฯ โดยบริษัทสยามสเนลได้ร่วมทุนกับบริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) ผลิตเครื่องสำอางภายใต้ตราสินค้าสยามสเนล (siam snail) และสเนลเอท (Snail 8)
       
ศ.ดร.สมศักดิ์กล่าวว่า ฟาร์มหอยทากเชิงนิเวศได้เลี้ยง “หอยนวล” ซึ่งเป็นหอยที่ให้ปริมาณน้ำเมือกที่มีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในปริมาณมากกว่าหอยทากชนิดอื่นๆ โดยเลี้ยงภายใต้ระบบที่ควบคุมทั้งอุณหภูมิและความชื้นให้ใกล้เคียงถิ่นอาศัยในธรรมชาติของหอย และขุดสระน้ำให้มีความลึกถึง 5 เมตร เพื่อควบคุมให้มีความชื้นตลอดทั้งปี ปัจจุบันมีหอยนวลในฟาร์ม 10,000 ตัว และตั้งเป้าเลี้ยงให้ได้ 100,000 ตัว
       
ในกระบวนการเก็บน้ำเมือกนั้นต้องอาศัยผู้ชำนาญในการสัมผัสส่วนแมนเทิล (mantle) อย่างเบามือเพื่อให้หอยทากหลั่งเมือกออกมา ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นส่วนที่ให้เมือกคุณภาพดีที่สุด โดยมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ 6 ชนิด คือ สารต้านเชื้อแบคทีเรีย กรดไกลโคลิคช่วยผลัดเซลล์ที่ตายแล้ว อาลันโทอินช่วยสร้างเนื้อเยื่อใหม่ กรดไฮยาลูโรนิคช่วยผยุงเนื้อเยื่อให้ตึงและสะสมน้ำให้ผิวชุ่มชื้น สารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินเอ ดี อี ช่วยบำรุงผิวพรรณ
       
ปัจจุบันมีผู้ชำนาญในการสัมผัสหอยทากเพื่อเก็บเมือกอยู่ 6 คน โดยเมือกที่เก็บได้จะถูกนำไปแช่เย็นก่อนผ่านกระบวนการสกัดเพื่อนำไปผลิตเครื่องสำอางต่อไป ซึ่ง ศ.ดร.สมศักดิ์กล่าวว่าเคยให้คณะวิศวกรรมช่วยออกแบบเครื่องสัมผัสหอยทากเพื่อเก็บเมือก แต่ปรากฏว่าทำให้หอยบอบช้ำและตาย จึงเลือกใช้แรงงานคน แต่ก็ยังคงศึกษาแนวทางอื่นๆ ร่วมด้วย
       
ศ.ดร.สมศักดิ์อธิบายเพิ่มเติมว่า เมือกจากส่วนเท้าของหอยทากที่จะหลั่งออกมาเป็นทางเมื่อเดินไปตามพื้น มีสารต้านเชื้อแบคทีเรียแต่ไม่มีสารบำรุงผิว หากนำมาทาหน้าหรือให้ทากเดินบนหน้าจะทำให้รูขุมขนอุดตันและเป็นสิวได้ โดยปัจจุบันสยามสเนลได้นำเมือกจากหอยนวลและบางส่วนจากหอยนกขมิ้นกับหอยทากสยามมาผลิตเป็นเครื่องสำอาง 4 ชนิด คือ ครีมบำรุงผิวสูตรกลางวัน ครีมบำรุงผิวสูตรกลาง เซรั่มลดเลือนริ้วรอย และเซรั่มเพื่อผิวกระจางใส
       
นอกจากเป็นฟาร์มเลี้ยงหอยทากผลิตเมือกสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องสำอางแล้ว ศ.ดร.สมศักดิ์กล่าวต่อว่า ยังมีโครงการสร้างพิพิธภัณฑ์หอยทากภายในฟาร์ม เพื่อให้เด็กไทยและคนไทยได้รู้จักทรัพยากรที่มีคุณค่าของไทย รวมถึงนิทรรศการเปลือกหอยแปลกตาจากทั่วโลก และยังเป็นโชว์รูมให้นักท่องเที่ยวได้แวะมาเยี่ยมชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ก่อนเดินทางต่อไปยังสยามบินสุวรรณภูมิที่อยู่ใกล้เคียง 
 
ที่มา http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9590000032910
ข่าวทั้งหมด